วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ม.ราชภัฏภูเก็ต จับมือ Universiti Teknologi Mara จัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติ

 ม.ราชภัฏภูเก็ต จับมือ Universiti Teknologi Mara จัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติ แลกเปลี่ยนมุมมอง การตลาด การค้าปลีก มีนักวิจัยในและต่างประเทศร่วม

ผศ.ดร.ประภา กาหยี อธิการบดี เปิดเผยว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมกับ Universiti Teknologi Mara ประเทศมาเลเซีย จัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติ เรื่อง “การตลาดและการค้าปลีกที่ยั่งยืน : การมีส่วนร่วมและขีดความสามารถของกลุ่มประเทศอาเซียน (Sustainable marketing & retailing contributions and competencies of Asian Nations) ระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคม 2553 ณ โรงแรมศรีราชภัฏ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ทั้งนี้งานจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 กรกฎาคม 2553 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมอัญชัน อาคารศรีราชภัฏ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

ในการนี้ได้เชิญ รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งให้เกียรติมาบรรยาย เรื่อง “แนวทางความร่วมมือทางด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาสู่การเป็นประชาคมอาเซียน” คุณภูมิกิตต์ รักแต่งาม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต บรรยายให้หัวข้อ “แนวทางกลยุทธ์การตลาดธุรกิจการท่องเที่ยวกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียน” หลังจากนั้นจะเป็นการเปิดเวทีให้มีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างนักวิจัยจากภายในประเทศและนานาประเทศ

อธิการบดีกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดโครงการครั้งนี้ สถาบันชั้นนำด้านวิชาการเห็นถึงความสำคัญในการร่วมมือด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในด้านการตลาดและการค้าปลีก ดังนั้น การแลกเปลี่ยนด้วยองค์ความรู้ มุมมอง ความคิดเห็น แนวทางการแก้ปัญหาด้วยการวิจัย จึงเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ดังกล่าวมา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และ Universiti Teknologi Mara มีความเห็นสอดคล้องกันว่าควรที่จะจัดให้มีการประชุมนี้ขึ้นเพื่อเปิดเวทีแสดงผลงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

โดยได้เชิญนักวิจัยจากองค์กรเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ ในเอเชียอันจะทำให้เกิดการยอมรับอย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งการจัดการประชุมครั้งนี้เป็นการทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการด้านการวิจัยสาขาการตลาด การค้าปลีก การท่องเที่ยว ทั้งภาครัฐ เอกชน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านวิชาการ การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาด้วยการวิจัย ซึ่งจะส่งผลต่อการเกิดการตื่นตัวของผู้เกี่ยวข้องในประเทศ และต่างประเทศ ในการพัฒนาทางวิชาการวิจัยทางสังคมศาสตร์และธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนานโยบายเพื่อสนับสนุนการวิจัย อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: